Thaiteenline-logo
home about law teens article hotline contact
 
     
     
 

หนูเกลียดแม่ใหม่

พี่ขา…หนูเกลียดแม่ใหม่ ทำไงดีคะ

                   

          "มาช่า" สาวน้อยวัย 16 ปีหอบเสื้อผ้ามาที่ศูนย์ฮอทไลน์ ตั้งใจว่าจะหนีออกจากบ้านเป็นการประท้วงที่คุณพ่อแต่งงานใหม่ ! ส่วนน้อง ของเธอบอกว่า "ต้องหาทางแกล้งให้เข็ด แม่ใหม่จะได้ไม่มาแย่งที่คุณแม่แล้วคุณพ่อก็จะได้ไม่ไปรักคนอื่น!"

          มาช่าถามพี่ฮอทไลน์ว่า "หนูควรทำไงดีค่ะ"

          "น้องอยากให้พี่แนะนำว่าควรทำอย่างไรกับปัญหานี้ดีใช่ไหม" หลังที่เราคุยกับเธอถึงความเป็นมาของปัญหาแล้ว เราได้อธิบายสรุปใจความได้ก็คือ

          บ่อย ๆ ที่บางครอบครัวพบกับมรสุมชีวิตสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปก่อนวัยอันควร ทิ้งให้ลูกที่ยังอยู่ในวัยเล่าเรียนอยู่ในความดูแลของคุณพ่อตามลำพัง ซึ่งคุณพ่อเองก็คงรู้สึกสูญเสียมากพอ ๆ กับความรู้สึกของลูก นอกจากนั้นยังต้องทำงานหาเงิน ไม่มีเวลาให้ความดูแลและความอบอุ่นกับลูก ๆ ได้เต็มที่ และเมื่อคุณพ่อยังไม่ถึงกับแก่เฒ่าก็ปรารถนาจะหาคู่คิดคือภรรยาใหม่ มาเป็นเพื่อนและคอยดูแลให้ความรักความอบอุ่นกับลูก ๆ

          แต่ทั้งนี้ไม่ว่าคุณพ่อจะแต่งงานใหม่ด้วยเหตุผลใด ๆ ปัญหาก็คือลูก ๆ เกิดความตระหนกตกใจในความเปลี่ยนแปลง สับสนไม่แน่ใจในความรักของพ่อเกรงว่าผู้หญิงใหม่จะแย่งทั้งความรักและทรัพย์สมบัติของพ่อไปจาลูก ๆ เด็ก ๆ จึงเกิดความกลัวและถ้าไม่หันหน้าสู้ก็จะหลบหนีเป็นการประท้วง การกระทำของบิดาดังพฤติกรรมข้างบนที่ได้พบได้ยินกันบ่อย ๆ

          ถ้าน้อง ๆ เป็นคนหนึ่งซึ่งกำลังอยู่ในความโกรธกราดเกรี้ยวสับสน หวั่นไหวไม่แน่ใจในการกระทำของคุณพ่อและก่อนที่จะตัดสินใจกระทำการใด ๆ ไป ขอให้น้องได้พิจารณาไต่ตรองการกระทำของตนให้ถ่องแท้ ว่านั่นคือหนทางแก้ปัญหาหรือเปล่า ? และอะไรคือปัญหา ?

          ก่อนอื่นน้องต้องแยกแยะความหมายระหว่าง “ความรักที่พ่อมีต่อผู้หญิงคนหนึ่ง" หรือที่มีคุณแม่ว่าแตกต่างจาก "ความรักที่คุณพ่อคุณแม่มีต่อลูก " นะคะ

          ความรักระหว่างคุณพ่อที่มีต่อคุณแม่หรือผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วนั้น เป็นความรักระหว่างเพศหญิงและเพศชาย ซึ่งเด็ก ๆ ทุกคนเมื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ก็จะต้องได้ผ่านพบความรักในบุคคลต่างเพศนั้น ความรักระหว่างเพศหญิงและเพสชายเกิดขึ้นก็เพื่อเป็นหนทางไปสู่ความเป็นเพื่อนที่ใกล้ชิดสนิทสนมทั้งทางร่างกายและจิตใจการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นปรึกษาหารือช่วยกันทำงานลงแรงลงใจร่วมทุกข์ร่วมสุขกันเปรียบเสมือนเป็นคนคนเดียวกัน ความรักของคนต่างเพศนำไปสู่การสร้างครอบครัวให้เป็นปึกแผ่นมั่นคง แล้วก็อยู่ด้วยกันไปจนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะตายจากหรือจนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะหมดรักกันไป

          ส่วนความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกเป็นความรักผูกพันอันลึกซึ้ง ปรารถนาจะให้ความรักความสุขอบอุ่นแก่ลูก โดยไม่หวังผลตอบแทนตั้งแต่ลูกยังเป็นเด็กเล็ก จนเติบใหญ่ ก็มุ่งหวังแต่จะให้ลูกได้ประสบแต่ความสำเร็จ จนสุดท้ายลูก ก็จะต้องได้พบเพื่อนต่างเพศแล้วก็ทิ้งพ่อแม่แยกครอบครัวของตัวเองไป

                เมื่อเปรียบเทียบความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ๆ ตลอดจนการปฏิบัติที่พอจะแลเห็นได้ง่าย ๆ ก็คล้าย ๆ กับคนดูแลสวน ลูก ๆ เป็นพรรณไม้เป็นต้นไม้ที่พ่อแม่ต้องช่วยกันรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ย คอยดูแลไม่ให้แมลงมาลอบเกาะกิน ชื่นชมที่จะได้เห็นลูก ๆ เติบใหญ่ เจริญรุ่งเรืองเป็นพรรณไม้ที่งดงาม ผลิดอกออกผลต่อไป การจะให้พ่อหรือแม่ดูแลสวนเพียงลำพับโดยไม่มีเพื่อนมาช่วยกันคิดช่วยดูแล ก็อาจจะดูแลต้นไม้ไม่ทั่วถึงทำให้ต้นไม้ไม่ได้รับน้ำรับปุ๋ย เพียงพอแก่ความต้องการ ก็อาจทำให้ต้นไม้แกร็นหรือไม่เติบโตงดงามเต็มที่อย่างที่ควร ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณพ่อต้องหาเพื่อนนะคะ โดยเฉพาะเมื่อน้อง ๆ เติบโต จะต้องแต่งงานไปกับเพื่อนต่างเพศที่รักใคร่ชอบพอเป็นพิเศษไปแล้ว คุณพ่อก็อาจจะเป็นเพียงคนแก่ ๆ ที่ไม่มีใครมีเวลาจะเหลียวแล เพราะทุกคนต่างก็มีภาระหน้าที่ในการดูแลสวนหรือครอบครัวของตนเอง น้อง ๆ คงไม่อยากให้คุณพ่อต้องทำงานหนักคนเดียวและโศกเศร้าเงียบเหงาอยู่ตามลำพังนะคะ

          อีกอย่างหนึ่งเมื่อความรักที่คุณพ่อมีต่อเพศตรงข้าม แตกต่างจากความรักที่มีต่อลูกน้อง ๆ ก็ไม่ต้องเกรงว่าท่านจะหมดรักลูก ๆ นะคะ ลูกก็ยังคงเป็นลูกที่พ่อรักเป็นที่ต้องการของคุณพ่อหรือคุณแม่ต่อไป และสำหรับที่เกรงว่าคุณพ่อไปรักผู้หญิงใหม่แล้วจะหมดรักคุณแม่ เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ผู้หญิงแต่ละคนก็มีคุณลักษณะมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไปความรักที่คุณพ่อมอบให้ผู้หญิงแต่ละคนรวมทั้งคุณแม่ก็แตกต่างไปด้วยเช่นกัน คือสมัยที่คุณแม่ยังอยู่เป็นสตรีที่ดีงามเป็นที่รักของลูก ๆ และคุณพ่ออย่างไร ความรักนั้นก็ยังอยู่เช่นเดียวกับที่ลูก ๆ ยังคงรักคุณแม่อยู่เสมอไม่เสื่อมคลาย

          น้อง ยังคงรักคุณแม่อยู่ใช่ไหมคะ ? คุณพ่อก็เช่นเดียวกันค่ะท่านก็ยังรักคุณแม่ของน้องอยู่ และการที่ท่านจะมีภรรยาใหม่ก็เหมือนมีเพื่อนใหม่ไว้คอยปรึกษาปรับทุกข์สุขกัน ก็เป็นความรักอีกแบบหนึ่ง จะนำมาเปรียบเทียบกับความรักครั้งคุณแม่ยังอยู่ไม่ได้หรอกค่ะ น้อง ต้องเปิดใจให้กว้างนะคะ แล้วก็ให้โอกาสเพื่อนใหม่ของคุณพ่อปรับปรุงตัวให้เข้ากับน้อง น้อง ก็ต้องพยายามทำตัวให้น่ารัก ต้องปรับตัวให้เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของแม่ใหม่นะคะ คุณพ่อจะได้สบายใจ

          การจะปรับตัวให้เข้ากันได้ระหว่างแม่ใหม่กับลูก ๆ ติดพ่อหรือในทางตรงกันข้าม ถ้คุณพ่อจากไปแล้ว น้อง ๆอยู่กับคุณแม่และท่านอาจจะมีเพื่อนใหม่ น้อง ๆ ก็ต้องให้ความเข้าใจนะคะว่าผู้ใหญ่ก็ต้องการเพื่อนเช่นกัน ฉะนั้นคำว่า “ให้โอกาส”คือคำที่จะต้องนำไปใช้ในการปรับตัวให้สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข

          “ให้โอกาสอย่างไร? ก็ให้โอกาสเธอแสดงความมีน้ำใจกับน้อง ๆ เช่น เธออาจสนใจไต่ถามทุกข์สุข จัดเสื้อผ้าให้ หรือดูแลถามไถ่เรื่องอาหารการกิน สนใจเรื่องเพื่อนและโรงเรียนของน้อง น้องก็ต้องแสดงไมตรีตอบด้วยการเล่าเรื่องหรือตอบคำถามเธอ ไม่แสดงอาการแง่งอนตะบึงตะบอนใส่หรือพูดเพราะ ๆ ด้วย น้องกลับโต้ตอบห้วน ๆ แบบนี้ถือว่าไม่มีไมตรีตอบและก็ไม่ให้โอกาสผู้หญิงคนนั้นแสดงความดีกับน้อง ๆ หรือการที่น้องไปแกล้งเธอทำให้เธอตกใจไม่สบายใจ ถ้าคุณพ่อทราบก็จะพลอยทุกข์ใจหมดความสุขไปด้วยน้องต้องเห็นใจและพยายามให้ความเข้าใจกับคุณพ่อว่าในทุกกรณีที่คุณพ่อหาแม่ใหม่มาให้นั้นก็เพื่อมาดูแลน้อง ๆ เวลาที่ท่านไม่อยู่ไปทำงาน น้อง ๆ จะได้ไม่เหงา "จำไว้นะคะ ไม่ว่าคนเก่งขนาดไหนก็ต้องการเพื่อนค่ะ"

          น้อง ๆ ที่เคยได้ยินถึงความใจร้ายของแม่เลี้ยง อาจจะเกรงว่าจะตกอยู่ในสภาวะเดียวกันกับนิทานโบราณ สมัยนี้แม่เลี้ยงเขาพัฒนาตัวเองดีไม่ใจร้ายอย่างในนิยายแล้วล่ะค่ะ แม่เลี้ยงสมัยนี้เขาแข่งกันทำความดี จะได้เป็นที่รักของใคร ๆ สำคัญที่น้องต้องให้โอกาสเขาทำความดีแต่ถ้ารู้สึกหรือเชื่อว่าแม่ใหม่ใจไม่ดีจริง ๆ คอยแกล้งหาเรื่องดุตีน้องล่ะก็ ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่าที่น้องทำลงไปนั้นถูกต้องหรือเปล่า และถ้าคุณแม่อยู่น้องจะถูกลงโทษแบบนั้นหรือเปล่าอย่าเพิ่มด่วนปักใจว่าเขาไม่ดี ความจริงน้อง ๆ อาจเป็นคนผิดก็ได้ หรือถ้าเชื่อแน่ว่าเธอปฏิบัติน้องอย่างไม่ยุติธรรมจริง ๆ น้องก็เรียนคุณพ่อตามตรงได้ค่ะ หาโอกาสอยู่กับคุรพ่อตรมลำพังแล้วเล่าให้ฟังเพื่อให้ท่านอธิบายและชี้แจงว่าใครเป็นคนผิดคนถูก แต่น้องต้องพูดความจริงนะคะการใส่ร้ายป้ายความผิดให้คนอื่นที่ไม่ผิดเป็นบาปถึงใครจะไม่รู้น้องก็ต้องรุ้อยู่แก่ใจเพราะฉะนั้นอย่าทำเป็นอันขาด ถ้าพูดแล้วคุณพ่อไม่เชื่อน้องก็ต้องปรึกษาพี่น้องด้วยกันเองหรือถ้ามีคุณปู่คุณยาย ญาติที่ใกล้ชิดก็หันไปปรึกษาได้และถ้าหาคนใกล้รับฟังให้ความเข้าใจไม่ได้จริง ๆ น้องก็ต้องไม่ลืมว่าคุณครูที่โรงเรียนคือ เพื่อนที่ดีที่สุดที่พร้อมจะรับฟังความทุกข์ของลูกศิษย์นะคะ

          เท่าที่พี่อธิบายมาถึงตรงนี้ น้อง คงเห็นด้วยกับพี่ว่าบางทีสิ่งที่เราคิดว่าเป็นปัญหานั้นความจริงเป็นเพียงเพราะน้อง ไม่เข้าใจในความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองว่า กลัวแม่ใหม่จะแย่งความรักของคุณพ่อจากน้อง ไปหรือจะมาแทนที่คุณแม่ของน้อง แต่ความรักที่คุณพ่อมีให้กับคุณแม่กับลูก และกับผู้หญิงคนใหม่นั้น ไม่เหมือนกันและจะแทนที่กันก็ไม่ได้ สู้เรามาทำความเข้าใจกับตัวเองแล้วจะหายกลัวและไม่โกรธเกลียดคุณพ่อหรือใคร อีกต่อไป

"การจะทำตัวให้เจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ต่อไปภายหน้า ต้องถือหลักการพยายามเข้าใจให้อภัย และให้มีความเมตตากับทุก คนตลอดจนตัวเราเองค่ะ และอยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าอยู่บ้านตัวเองพร้อมพ่อพร้อมพี่พร้อมน้อง และพร้อมจะต้อนรับสมาชิกใหม่ค่ะ"

     
 
  Counter 203,821
 
 
© 2012 Thaiteenline. All Rights Reserved. หน้าหลัก | ความเป็นมา | กฎหมายเด็กและครอบครัว | วัยรุ่นอยากรู้ | บทความวัยรุ่น | ฮอทไลน์เคลื่อนที่ | ติดต่อเรา