เพื่อน
เพื่อน
ใครคนหนึ่งที่ฉันฝันถึงเขา ใครคนนั้นยิ้มเศร้าเศร้า เขาอยู่ไหน
ใครคนนั้นที่ฉันรักเหมือนดวงใจ อยู่ที่ไหน…นะจันทร์…ฉันหลงคอย..
…ความคิดถึงของฉัน…นั้นลึกซึ้ง…แทรกซึมอยู่ทุกหย่อมหญ้าและหยาดน้ำค้าง…ในเสียงเพลง…ในสายธาร…อ่อนหวานอยู่บนรอยยิ้มของทารก…อบอวลอยู่กับแสงแดดยามเช้า…และเริงเร้าอยู่กับภุมรินที่บินตอนกลีบกุหลาบ
…ทุกจังหวะของฝีเท้าที่ย่างก้าวเหยียบย่ำลงบนหาดทรายอันขาวสะอาด…ในสายลม…เสียงคลื่น…แสงแดด…
…ในหิมะที่กำลังโปรยปราย…ในสายฝนที่พร่างพรู…ในเสียงกู่ของแมกไม้ไพรพฤกษ์…ถึงแผ่นฟ้ามหาสมุทรจะกว้างใหญ่ก็ไม่สามารถจะขีดกั้นความคิดถึงนี้ลงได้…
…จริงอยู่…ในความคิดนั้นบางครั้งก็อ้างว้าง…เดียวดาย…เงียบเหงา…และเจ็บปวด…แต่ฉันก็ได้เรียนที่จะมีชีวิตอยู่กับมันตลอดไป…เพราะความคิดถึง…คือรอยพิมพ์…คือภาพสะท้อนของชีวิตในอดีต…ถ้าความคิดถึงมันจะปรากฏออกมาทางรูปกาย…คุณก็จะเห็นมันได้จากรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าและร่างกายของความชรา…อดีตที่กรีดรอยจารึกบันทึกภาพแห่งความทรงจำลงบนชีวิตของมนุษย์ทุกคน…แต่ในหัวใจ…ความคิดถึงนั้นยังสดใสอยู่เสมอ
…ลมหนาวพราวพรู ดูดุจเสียงกู่ของฤดูกาล…ปีเก่ากำลังจะกลายเป็นอดีต…และปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา…ทุกๆ ปีที่ฉันคิดถึง…
…ฉันมีคนรักที่ต้องคิดถึงมากเหลือเกิน…จนบางครั้งอยากแบ่งภาคของตัวเองออกมาให้ได้พอเพื่อจะได้แจกจ่ายให้ทุกคนอย่างทั่วถึง…แต่จนใจที่มีเพียงกายเดียว…หัวใจเดียว…แต่กว้างใหญ่ด้วยสายธารแห่งความคิดถึงอันจะสุดสิ้นลงก็ต่อเมื่อวันสุดท้ายของลมหายใจ
…บุคคลที่ฉันคิดถึงมากที่สุดในชีวิตตั้งแต่เด็กมา คือ แม่…เพราะลูกทุกคนใกล้ชิดกับแม่มาก…ส่วนพ่อนั้นความคิดถึงเป็นภาพที่ลางเลือน ยากแก่การที่จะลำดับ…จึงค่อนข้างห่างไกลในความคิดถึง…
…แม่คือแม่ คือพ่อ คือพี่ คือเพื่อน คือครู คือหมอ และคือผู้รับใช้ให้ความสุขกายสบายใจ ให้บทเรียน ให้กำลังใจ ให้ทุกๆอย่างที่ชีวิตฉันต้องการ…มากกว่านั้นคือให้ความรักในมนุษย์ด้วยกัน…เพราะฉะนั้นฉันจึงรักแม่มากที่ รองลงมาคือพี่และน้อง…ปีใหม่ทุกปีแม่จะตื่นขึ้นหุงข้าวเตรียมอาหารไว้ให้ลูกๆ ใส่บาตร…ถ้าลูกไม่อยู่แม่จะใส่บาตรแทนลูกๆ เสมอ…บุญนี้แม่ทำไว้เพื่อให้ลูก…
…ตั้งแต่เด็กมาถ้าจะนับแล้ว ฉันมีเพื่อนอยู่มากมายเหลือเกิน เพราะการที่ต้องโยกย้ายเปลี่ยนแปลงที่อยู่ที่เรียนที่ทำงานทำให้ไม่สามารถจะนับจำนวนเพื่อนได้…แต่ละปีแต่ละที่มีความหลังให้ต้องคำนึงถึงและมองย้อนกลับไปด้วยความประหลาดใจ…นับตั้งแต่เรียนจบมาแล้ว ชะตาชีวิตให้หันเหวิถีทาง ทำให้ไม่เคยมีโอกาสฉลองปีใหม่กับใครที่ซ้ำหน้ากันเลย
…บนเส้นทางที่โดดเดี่ยวและเดียวดาย…ฉันยังเดินต่อไป…การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก จากคนรักและจากเพื่อนรัก…เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจนหัวใจชาชิน…
…ฉันเคยเป็นโรคกลัวความรักอยู่พักหนึ่ง…เพราะความตายได้ฉุดกระชากเอาบุคคลที่รักที่เคยใกล้ชิดไปต่อหน้าต่อตาในเวลาไล่เลี่ยกันหลายคนจนตั้งตัวไม่ติด “อะไรที่เคยคิดว่าจะทนไม่ได้ก็กลายเป็นไม่มีอะไรที่ฉันจะทนต่อไปไม่ได้…”
…เพื่อนๆ ที่รู้จักรักใคร่เคยเล่าเรียนอยู่ด้วยกันที่เมืองนอกนั้นมีหลายชาติ หลายภาษาทั้งเอเชียและยุโรป เกือบจะทั่วมุมโลกเพราะความห่างไกลบ้านทำให้มีหัวอกเดียวกันได้ใกล้ชิดสนิทสนมได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขผจญภัยในป่าเวลาไปแค้มป์ก็หลายครั้ง ได้เคยกอดคอร้องเพลงอำลาทั้งที่น้ำตานองหน้ากันมาก่อน แล้วก็ต้องแยกย้ายกันกลับบ้านเมือง
แรกๆ ก็เขียนจดหมายติดต่อส่ง ส.ค.ส. กันเป็นประจำ นานไปต่างก็เติบใหญ่มีครอบครัวมีความรับผิดชอบต่อชีวิตต่อสังคมรอบตัวมากขึ้น ทำให้การติดต่อห่างเหินกันไปนานๆ เวลาไปค้นภาพเก่าๆ มาดู นั่งดูไปคิดไปหัวเราะร้องไห้อยู่คนเดียว…ถึงกาลเวลาจะผ่านไปสักเท่าใดความคิดถึงยังอุ่นซึ่งอยู่ในหัวใจ…ฉันชอบเก็บเอาภาพชีวิตที่สดใสเหล่านั้นมาคิดใหม่เสมอ…
…เมื่อกลับมาบ้านก็ทำงานกับคนต่างชาติหลายปี มีการหมุนเวียนเปลี่ยนเข้าออกกันอยู่เสมอ…เป็นประสบการณ์ในชีวิตภาพที่สอนให้เราเป็นผู้ใหญ่มีความเข้าใจในกันและกันอย่างถ่องแท้…อันน้ำใจตไมตรีและความเป็นมิตรสนิทที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นได้แม้ในระหว่างคนต่างชาติต่างภาษา…เพราะความเข้าใจนั้นเกิดจากหัวใจที่ติดต่อถึงกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องอธิบาย…
…ความรักระหว่างเพื่อนที่แท้จริงเป็นความรักที่บริสุทธิ์มั่นคนกว่า |